ปุ๋ยอินทรีย์ (อังกฤษ: Organic Fertilizer) หรือ ปุ๋ยหมัก (อังกฤษ: Compost) คือ ปุ๋ยที่ได้จากการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุทางชีวเคมีโดยจุลินทรีย์กลุ่มใช้ออกซิเจน (Aerobic Microorganisms) จนเป็นประโยชน์ต่อพืช
ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นปุ๋ยธรรมชาติ ที่ผลิตจากการบ่มหมักสารอินทรีย์ ที่ได้จากมูลวัว มูลไก่ ซากต้นไม้ ใบไม้
มูลค้างคาว กรดอะมิโนตามธรรมชาติ และโดโลไมท์ โดย
ปุ๋ยอินทรีย์ที่ดี จะต้องประกอบด้วยแร่ธาตุครบทั้ง 13 ชนิดที่พืชต้องการ ดังนี้
แร่ธาตุหลัก ซึ่งพืชต้องการในปริมาณสูงมาก ประกอบด้วย
- ไนโตรเจน (N)
- ฟอสฟอรัส (P)
- โพแทสเซียม (K)หรือ N-P-K นั่นเอง
แร่ธาตุรอง ซึ่งพืชต้องการในปริมาณน้อย ประกอบด้วย
- แคลเซียม (C)
- แมกนีเซียม (Mg)
- กำมะถัน (S)
แร่ธาตุเสริม ซึ่งพืชต้องการในปริมาณที่น้อยมาก (แต่ขาดไม่ได้) ประกอบด้วย
- เหล็ก (Fe)
- แมงกานีส (Mn)
- โบรอน (B)
- โมลิบดินัม (Mo)
- ทองแดง (Cu)
- สังกะสี (Zn)
- คลอรีน (Cl)
ปุ๋ยอินทรีย์ มีลักษณะทางกายภาพได้หลายแบบ เช่น ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยผง และปุ๋ยน้ำ แต่ที่นิยมจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่เป็นปุ๋ยเม็ด เนื่องจากสะดวกกับเกษตรกรในการนำไปใช้ ทั้งจากการหว่านด้วยมือ หรือใช้กับเครื่องพ่นเม็ดปุ๋ย
ข้อเด่นของปุ๋ยอินทรีย์ที่เหนือกว่าปุ๋ยเคมี คือ ปุ๋ยอินทรีย์มีอินทรีย์วัตถุ มีธาตุอาหารรอง และจุลธาตุที่จำเป็นต่อจุลินทรีย์ดินและพืช ที่ปุ๋ยเคมีไม่มี นอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ยังทำให้ดินมีสภาพเป็นกลาง ในขณะที่การใช้ปุ๋ยเคมีอย่างยาวนานจะทำให้ดินมีสภาพเป็นกรดซึ่งมีผลทำให้มีการละลายแร่ธาตุที่ไม่พีงประสงค์ออกมาให้แก่รากพืช เช่น อะลูมิเนียม ทำให้พืชมีลักษณะแคระแกร็นและเป็นโรคง่าย ปุ๋ยอินทรีย์ยังเพิ่มจำนวนจุลอินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ทำให้ดินมีโครงสร้างโปร่ง ร่วนซุย อ่อนนุ่มอุ่มน้ำ
มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร พ.ศ. 2551 กำหนดว่า ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตได้และจะจำหน่ายต้องมีอินทรีย์วัตถุมากกว่าร้อยละ 20 มีค่าการนำไฟฟ้าน้อยกว่า 10 เดซิซีเมนส์ต่อเมตร มีค่า
ไนโตรเจนไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 มีค่าฟอสฟอรัส (P2O5) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 มีค่าโพแทสเซียม (K2O) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ปุ่ยอินทรีย์ มีชนิดต่างต่าง เช่น 1.ปุ๋ยหมัก2.ปุ๋ยคอก3.ปุ๋ยพืชสด4.ปุ๋ยชีวภาพ
ปุ๋ยอินทรีย์ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี